หนุ่มป่วยจิตหลอนคลั่ง ใช้มีดกรีดยางฟันพี่สาวทั้งลำตัว ใบหน้า แขนขา จนเป็นแผลเหวอะหวะเละทั่วร่างตายสยอง ก่อนมาทำร้ายชกต่อยแม่และป้าบาดเจ็บ พ่อต้องโทรแจ้งตำรวจมาควบคุมตัว พร้อมให้กินยาระงับด้านพ่อบอกลูกชายมีอาการหนักแบบนี้มา 5 ครั้ง แต่ครั้งนี้หนัก พาไปหาหมอแต่ไม่รับส่งตัวไปรพ.จิตเวช จึงเกิดเหตุสลดเช่นนี้

จากกรณีหนุ่มจิตหลอนจากเสพยาคลั่งใช้มีดกรีดตัวพี่สาวทั้งลำตัว ใบหน้า แขนขา จนเป็นแผลเหวอะหวะ เละทั่วร่าง และชกแม่กับป้าได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้า เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 33 หมู่ 4 บ้านโคกเค็ด ต.บ้านนา อ.จะนะ จ.สงขลา หลังโรงงานถุงมือพลาสติก ถุงมือทำอาหาร เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (3 ส.ค.)

ล่าสุดวันนี้ (4ส.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าของคดีนี้ที่ สภ.จะนะ ทราบผู้ก่อเหตุคือ นายบุญญา ยามา อายุ 39 ปี ถูกควบคุมตัวในโรงพัก และเริ่มมีอาการดีขึ้นหลังจากที่ได้กินยา โดย พ.ต.อ.พชรพล ณ นคร ผกก.สภ.จะนะ พร้อม พ.ต.ท.รณน สุระวิทย์ รอง ผกก.ป. และพ.ต.ท.วีระศักดิ์ เดชประมวลพล รอง ผกก.สส. ได้ร่วมกันสอบสวน

โดยทาง นายบุญญา แม้อาการจะเริ่มดีขึ้นพูดคุยได้ แต่บางครั้งยังพูดแปลกๆ จากอาการป่วยทางจิต โดยบอกได้ใช้มีดกรีดยางพ่อ แทงพี่สาวเสียชีวิต และทำร้ายแม่กับป้าได้รับบาดเจ็บเพราะอาการหลอน ไม่ได้โกรธหรือมีเรื่องอะไรกับพี่สาว ซึ่งพี่สาวก็ช่วยเหลือให้เงินใช้มาตลอด ตอนนี้เริ่มสบายใจขึ้นแล้วเพราะได้กินยา ตนยังเครียดเรื่องเมียตายด้วย

ด้าน พ.ต.อ.พชรพล ณ นคร ผกก.สภ.จะนะ เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาดำเนินคดีกับนายบุญญา 2 ข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และทำร้ายบุพการี ส่วนสาเหตุมาจากอาการป่วยทางจิต ซึ่งจากสภาพร่างกายผู้ต้องหาเริ่มมีอาการปกติ ให้การได้ หลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวนจะส่งไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนาทวีทันที

ส่วนบรรยากาศที่บ้านเกิดเหตุซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียว พบว่าในวันนี้ได้มีชาวบ้านและญาติพี่น้องได้เดินทางมาเยี่ยมและให้กำลังใจกับครอบครัวอย่างต่อเนื่อง โดยศพของ น.ส.เจาะฝารีด๊ะ ยามา อายุ 49 ปี พี่สาว ได้ทำพิธีฝังแล้ว ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 2 คน คือ นางติเหม๊าะ ยามา อายุ 68 ปี ซึ่งบาดเจ็บถูกต่อยที่หน้าผากบวมปูด และนางโสง หม๊ะสาแล๊ะ อายุ 80 ปี ซึ่งเป็นป้าถูกต่อยที่ปาก ขณะนี้ยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลจะนะ

จากการสอบถาม นายดอฮะ ยามา อายุ 73 ปี ผู้เป็นพ่อ เล่าว่า ในวันเกิดเหตุช่วงเช้าได้พาลูกชายไปหาหมอที่โรงพยาบาลจะนะเพราะอาการเริ่มไม่ดี เพื่อที่จะขอให้แพทย์ทำใบส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวช สงขลาราชนครินทร์ แต่แพทย์ประเมินอาการว่าไม่หนักจึงให้ยาและกลับมาพักที่บ้าน จากนั้นตนได้เดินทางไปรับยาให้ลูกชายอีกคนที่ป่วยทางจิตเช่นกัน โดยตอนนั้นแม่ พี่สาว และป้าอยู่ที่บ้าน และลูกชายเกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมาทำร้ายคนในบ้าน จึงได้แจ้งตำรวจให้เข้ามาช่วยเหลือและควบคุมตัวเอาไว้ได้

“ลูกชายมีอาการหนักมาแล้ว 5 ครั้ง และทุกครั้งก็พาไปส่งตัวที่โรงพยาบาลจิตเวช จนมีอาการดีขึ้น แต่ครั้งนี้ไม่ได้ไป และเกิดอาการหลอนหนักกว่าทุกครั้งถึงขั้นทำร้ายคนในครอบครัวจนเสียชีวิต ปกติหากได้กินยาลูกชายก็ทำงานกรีดยาง เพราะมีลูก 3 คน เป็นผู้ชายทั้ง 3 คน และมีลูกแฝดด้วย ส่วนภรรยาได้เสียชีวิตไปแล้ว”พ่อผู้ต้องหากล่าว

ด้าน น.ส.โรซนีย์ พินิจพจนา อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวของ น.ส.เจาะฝารีด๊ะ ที่เสียชีวิตถึงกับร่ำไห้ เล่าว่า ปกติตนกับแม่อยู่ที่ปาดังเบซาร์ แต่ได้เดินทางกลับมาเยี่ยมญาติที่บ้านเกิดเหตุในช่วงฮารีรายอ ซึ่งน้าชายเริ่มมีอาการผิดปกติตาขวางใส่คนข้างๆ ตั้งแต่วันศุกร์ และได้พาไปหาหมอที่โรงพยาบาลจะนะ แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น และได้ถีบสามีของตนจนกระเด็นด้วย

จึงคุยกันว่าในวันจันทร์จะพาไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลจะนะอีกครั้ง ซึ่งทีแรกแม่ของตนก็บอกว่าจะกลับบ้านที่ปาดังเบซาร์แล้วเพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยเช่นกัน แต่ตนก็บอกว่าต้องช่วยเพราะถ้าพวกตนไม่ช่วยก็ไม่มีใครช่วย เนื่องจากคนในบ้านเป็นผู้สูงอายุ ตอนไปโรงพยาบาลจะนะหมอบอกอาการแบบนี้มาจากไม่กินยา หรือกินยาผิด และฉีดยาให้ 2 เข็ม ก่อนให้กลับบ้าน และพบว่ามีปัสสาวะสีม่วงด้วย แต่สุดท้ายอาการกำเริบหนักจนทำร้ายคนในบ้าน โดยเฉพาะแม่ของตนต้องมาถูกแทงตายอย่างโหดเหี้ยมจนตนแทบทำใจรับไม่ได้

ซึ่งหากในวันนั้นทางโรงพยาบาลจะนะส่งตัวไปยังโรงพยาบาลจิตเวชสงขลาราชนครินทร์เรื่องนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น ทั้งที่ญาติต่างยืนยันกับหมอว่าอาการหนัก เริ่มคลั่งเผาบ้านและทำร้ายคนในบ้าน ชาวบ้านก็กลัวกันหมด.