หดหู่ ตาปลิดชีพตัวเอง ให้ยายเอาเงินฌาปนกิจใช้หนี้แต่ก็ไม่พอจ่าย ดอกลอยวันละ 3 พัน ทวงยันงานศพ ไล่ยายไปตายอีกคน

(11 ธ.ค.66) คุณยายยุพิน นามสมมติ อายุ 60 ปีอดีตพนักงานโรงงานผลิต กล่องกระดาษ กล่องกระดาษลูกฟูก เดินทางจากจังหวัดอุตรดิตถ์เพื่อร้องต่อ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ หรือเอกสายไหมต้องรอด หลังจากสามีตัดสินใจผูกคอ เสียชีวิต เพื่อนำเงินณาปณกิจมาใช้หนี้เงินกู้นอกระบบ เนื่องจากไม่มีเงินจ่ายดอกลอยวันละ 3,000 บาท

นายเอกภพ กล่าวว่า คุณยายยุพิน และสามี เมียชีพขายหอมแดงและกระเทียม เลี้ยงตนเองและหลานอีกสองคนคนนึงอยู่ ม.5 และอีกคน 5 ขวบ โดยปกติคุณยายเป็นคนมีเงินจากการค้าขายช่วงก่อน โควิด-19 แต่พอหลังจากพบเจอวิกฤต โควิด-19 ทำให้การค้าขายไม่ดี จึงต้องกู้เงินมาใช้จ่ายลงทุนทั้งในและนอกระบบ เพื่อนำมาลงทุนในการค้าขาย แต่ขายไม่ดีทำให้ต้องกู้เพิ่มจนกลายเป็นงูกินหาง จึงทำให้หาเงินมาจากดอกเจ้าหนี้ประมาณ 7 เจ้าไม่ทัน โดยแต่ละวันต้องจ่ายดอกประมาณ 3,000 บาท

จนเมื่อวันที่ 23 พ.ย. หนึ่งในเจ้าหนี้ ชื่อนายสุดหล่อ ที่ชอบโทรมาทวงเงินและมักจะด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคายรุนแรง ได้ติดต่อมาทวงเงินโดยโทรไปที่เบอร์ของตา โดยด่าตาแบบรุนแรง แต่ตาบอกว่าไม่มีเงินจ่ายทั้งตัวมี 103 บาทจึงต่อรองจ่าย 70 บาท แต่นายสุดหล่อไม่ยอม สุดท้ายตาต้องโอนเงินไป 100 บาท ทั้งที่ทั้งวันยังไม่ได้กินข้าว

วันนั้นกลับมาจึงปรึกษายายทั้งตัวมีเงิน 3 บาท และวันพรุ่งนี้เจ้าหนี้ร้องมาทวงเงินอีก พร้อมบอกว่าหากหาเงิน ไม่ได้ต้องมีใครสักคนตายเพื่อเอาเงินมาใช้หนี้ โดยตาได้ออกอุบายให้ยายไปตามหลานเขยมาที่บ้านแต่เมื่อกลับมาถึงพบบ้านล็อก จึงให้หลานเขยปีนจึงพบว่าตาผูกคอตาย

ด้าน คุณยายยุพิน เปิดเผยว่า ตนไปเป็นคนไปยืมเงินเพื่อมาใช้จ่ายในครอบครัว มีเจ้าหนี้ในระบบเป็น ธกส. และหนี้นอกระบบอีก 7 เจ้า แต่บางส่วนไม่ได้ทวงแบบรุนแรงแต่ตนก็ไม่มีจ่าย เพราะเคยไปหยิบยืมจากเพื่อนมามาใช้หนี้นอกระบบตนเป็นหนี้ท่วมตัว หาใช้อีกไม่ได้แล้ว หลังตาเสียชีวิตได้เงินฌาปนกิจมา ประมาณ 160,000 บาท ธกส.หักไป 100,000 บาท เหลือ 60,000 บาท เอาไปจัดงานศพ ยอด 80,000 บาท แต่เงินไม่พอชาวบ้านจึงช่วยกันทำบุญได้ประมาณ 40,000 บาทโดยแบ่งไปจ่ายเจ้าหนี้ที่ทวงในงานศพตา 20,000 บาท ทำให้ยายไม่เหลือเงินแล้วสักบาท แต่ขณะเดียวกันยายยังไม่ทราบว่าต้องจ่ายหนี้อีกเท่าไหร่

ต่อมา หลังจากตาตายเจ้าหนี้ก็ยังโทรมาทวงเงิน จึงมีความคิดที่จะตายตามตาไปเพราะเจ้าหนี้พูดว่า ถ้ายายตายหนี้ก็จบแต่ที่ไม่ทำเพราะเป็นห่วงหลานสาว 2 คน อายุ 17 ปี และ 5 ปี เพราะตั้งแต่ที่เป็นหนี้มาหลานสองคนไม่มีเงินไปโรงเรียนอดมื้อกินมื้อ บางวันขอข้าวจากครูที่โรงเรียนเพื่อกลับมากินที่บ้าน

คุณยายยุพิน เล่าต่อว่า ตอนที่ตายังไม่เสียชีวิตยายเคยชวนตาหนี แต่ตาไม่หนีและยังยืนยันว่าจะยังคงจ่ายหนี้ทั้งหมด สิ่งที่ต้องการที่สุดในตอนนี้คืออยากให้มีคนมาช่วยเจรจาผ่อนหนักให้เป็นเบา เพราะหนี้ที่เป็นอยู่ไม่มีกำลังจ่าย

ส่วนยายติ่งและป้าต้อย เพื่อนยายยุพิน บอกว่า เป็นเพื่อนกันเห็นมีเจ้าหนี้มาทวงเพื่อนบ่อย ทั้งดุด่าและข่มขู่ไล่ให้ไปตาย บางวันเห็นว่าเพื่อนร้องไห้บางครั้งแอบถ่ายคลิปไว้ หนักสุดมาปรึกษาเรื่องการฆ่าตัวตาย มีการวางแผนถ้าตายจะเอาเงินไปจ่ายหนี้เจ้าไหนบ้าง เพื่อนเลยสงสารเลยได้ทักไปหาหลายเพจเพื่อให้ช่วยเหลือ อีกทั้งยังถูกชาวบ้านประณามว่าเป็นต้นเหตุให้สามีตาย พอยายมาเจอเรื่องหลายอย่างผสมรวมเข้าด้วยกัน เลยทำให้คิดสั้นเพราะคิดเองว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ตาตาย

ยายติ่งและป้าต้อยเพื่อนยายยุพิน ยังบอกอีกว่าพวกเขาก็เข้าใจหัวอกของยายยุพิน เพราะตัวเองก็เป็นหนี้เหมือนกัน เคยแก้ปัญหาโดยการไปร้องศูนย์ดำรงธรรมศูนย์ ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าแก้ไปก็ไม่มีประโยชน์ และต้องรอนโยบายใหม่ของรัฐบาลในเดือนมีนาคมปีหน้า ทั้งยังเคยไปแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ทำอะไรให้ไปจ่ายหนี้เอาเอง

สำหรับยอดหนี้ของยาย ประกอบด้วย ธกส. 400,000 บาท กู้มาทำบ้าน รถกระบะ 160,000 บาท เข้าไฟแนนซ์ แต่ที่เป็นเรื่องหนัก ก็คือหนี้นอกระบบ ดอกเบี้ยลอยตัว 7 เจ้า ปิดไปแล้ว 2 เจ้า เหลืออีก 5 เจ้า

1.เจ้าหนี้นายสุดหล่อกู้เงินมา 20,000 บาท ส่งดอกวันละ 400 บาท ส่งไป 96 วัน / ต้องเอาต้น 20,000 บาทคืน

2.เจ้าหนี้นายไผ่ กู้เงินมา 15,000 บาท ส่งดอกวัน 750 บาททุกวัน /ส่งดอก 24 วันจบ / ส่งมาเป็นปีแล้ว (จ่ายไม่ครบ วันละ 300-600 บาท)

3.เจ้าหนี้นายโอ 20,000 บาท (ปิดไปแล้ว)

ส่วนเจ้าหนี้ที่ 4 กู้ 20,000 บาท เจ้าที่ 5 กู้ 30,000 บาท แต่ไม่ได้มีการทวงโหด

รวมทั้งยังยืมชาวบ้านและเพื่อนบ้าน นับไม่ถ้วน เพื่อมาจ่ายหนี้นอกระบบ ส่วนความคืบหน้าเรื่องนี้ หลังเพจสายไหมต้องรอดรับเรื่องร้องเรียนแล้ว จะพาคุณยายเดินทางไปพบ พล.ต.ต. สุทธิพงศ์ เป๊กทอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อหารือแนวทางในการเจรจาไกล่เกลี่ยหนี้