วันที่ 15 ธันวาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐมหลังจาก ผู้ใช้เฟซบุ๊ก รักจริงไม่ทิ้งกัน ได้โพสต์ระบายความในใจ หลังมีชายหนุ่มวัยใกล้เคียงกัน ทำทีมาตีสนิททางเฟซบุ๊ก จนเจ้าตัวไว้ใจ ก่อนที่ฝ่ายชายจะออกอุบายขอยืมรถยนต์กระบะ และอ้างว่าจะเอาไปเปลี่ยนล้อแม็กให้ แต่แล้วทั้งคนและรถกลับหายวับไปในกลีบเมฆ ไม่สามารถติดต่อได้ปรากฏว่าล่าสุดหลังจากที่เรื่องนี้ถูกตีแผ่ผ่านทางกลุ่มเฟซบุ๊ก ข่าวสารบางเลน นครปฐม และสื่อมวลชน ได้มีผู้เสียหายเพิ่มอีก 1 ราย

ทราบชื่อต่อมา นาย สยาม เนตรแก้ว อายุ 44 ปี พนักงานโรงงานเชือกมัดกล่องพัสดุ เชือกขาวเกลียว ที่อยู่ 77 ม.10 ต.บางเลน อ.บางเลน จ.นครปฐม เล่าว่าเมื่อช่วงที่โรคโควิดระบาดหนักเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาทำให้ตนต้องหยุดทำงานเนื่องจากมีประกาศเคอร์ฟิวจากรัฐบาลที่ต้องให้อยู่กับบ้านทำให้ตนไม่มีงานทำและไม่มีเงินใช้ จึงหันไปปรึกษานายวีรยุทธ (กุ้ง) ที่เป็นเพื่อนสนิท และอยู่แถวบ้านเดียวกัน ว่าจะขอกู้เงินกับพ่อนายกุ้ง หนึ่งหมื่นบาท โดยเอารถกระบะยี่ห้อ อีซูซุ ดาก้อน ดีแดง หมายเลขทะเบียน ขจ 9643 นนทบุรี จำนำไว้อีก 15 วันจะมาไถ่คืน

นายกุ้งก็ตอบกลับมาว่าพ่อกับแม่ไม่ได้ปล่อยเงินกู้แล้วแต่มีเพื่อนปล่อยอยู่ จากนั้นนายกุ้งก็โทรหาเพื่อนคนดังกล่าวและได้พูดคุยตกลงเรื่องจะจำนำรถกันจนเพื่อนนายกุ้งยินยอมและบอกให้นายกุ้ง ออกเงินให้ตนก่อน หนึ่งหมื่นบาท และถ่ายรูปรถส่งมาให้เพื่อเป็นหลักฐานการกู้เงินในครั้งนั้น ต่อมาครอบครัวตนได้ติดโควิดจึงทำให้เกินกำหนดสัญญาที่ตกลงกันไว้ว่าอีก 15 วันจะมาไถ่รถคืน ทำให้เพื่อนในกุ้งที่ปล่อยเงินกู้ คิดดอกเพิ่มเป็นสองหมื่นบาทรวมทั้งต้นทั้งดอกก็เป็น สามหมื่น บาทพอดี แต่ตนก็ยอมตกลงจ่ายและได้ให้นายกุ้งโทรไปหาเพื่อนเพื่อจะได้นำรถของตนมาให้ แต่ในกุ้งก็ทำเป็นบ่ายเบี่ยงว่าเพื่อนจะนัดมาคืนตอนบ่ายจากบ่ายเป็นเช้าอีกวันนึง จนหนักเข้าโทรไปหาในกุ้งก็ไม่รับสายอีกเลย ตนจึงตัดสินใจไปหานายกุ้งที่บ้าน แต่ก็ไม่เจอตัว จนมีพลเมืองดีแถวนั้นบอกว่านายกุ้งเอารถของตนไปขายในจำนวนเงินสี่หมื่นบาท และยังบอกอีกว่านายกุ้งหนีไปอยู่ที่โคราชแล้ว และเมื่อวานได้เห็นข่าวที่มีผู้หญิงโดนนายกุ้งหลอก ตนจึงออกมาเปิดเผยอีกรายนึงและวันนี้ก็ได้ไปแจ้งความดำเนินคดีเรียบร้อย