สภ.ดอยสะเก็ด แจงเหตุที่ไม่ควบคุมตัว หนุ่มเหี้ยมฉุดสาววัย 18 ขืนใจ จนไปก่อคดีอุ้มฆ่าเซลล์อ้อม ยืนยันไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่ติดวันหยุด ศาลปิดทำการ

กรณี น้องอ้อม อายุ 36 ปี เซลล์ขายรถโชว์รูมแห่งหนึ่งย่านกาดสามแยก อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ถูก นายณัฐพล อายุ 41 ปีพนักงานโรงงานกระดาษไข กระดาษไขรองอบ ทำทีเป็นลูกค้าต้องการซื้อรถยนต์ ลวงไปฆ่านำศพทิ้งไว้ในโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.สันผีเสื้อ อ.เมืองเชียงใหม่ โดยตำรวจจับกุมตัวได้

จากการตรวจสอบประวัติ นายณัฐพล ทราบว่า เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา ได้ก่อเหตุใช้มีดจี้สาว อายุ 18 ปี ขืนใจผู้เสียหาย ทางผู้ปกครองและผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.ดอยสะเก็ด แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ควบคุมตัว จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก

ล่าสุด วานนี้ (1 พ.ค.) เฟซบุ๊ก สถานีตำรวจภูธรดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ได้โพสต์ชี้แจงต่อกรณีดังกล่าวว่า “อนุญาตนำเรียนให้ประชาชนทราบถึง ข้อเท็จจริงดังต่อไปนี้

เหตุเกิดวันที่ 10 เมษายน 2566 เวลาประมาณ 19.30 น. พนักงานสอบสวนได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย จึงได้ร่วมกับทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สอบปากคำผู้เสียหายได้รับข้อมูลเบื้องต้นไว้ และลงพื้นที่หาพยานหลักฐาน จากนั้นจึงส่งตัวผู้เสียหายไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลดอยสะเก็ด และนัดให้ผู้เสียหายมาพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันที่ 11 เมษายน 2566 ช่วงเช้าอีกครั้ง เพื่อพาดูเส้นทาง
ในวันที่ 11 เมษายน 2566 ผู้เสียหายพร้อมญาติได้เข้าพบเจ้าหน้าที่สืบสวนพร้อมกันลงพื้นที่ตรวจที่เกิดเหตุตั้งแต่แยกต้นเปาพัฒนา เขต อ.สันกำแพง ถึงเขื่อนแม่กวง เขต อ.ดอยสะเก็ด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้หาพยานหลักฐาน จนกระทั่งทราบตัวผู้ต้องหา ในวันเดียวกัน ซึ่งผู้เสียหายชี้ยืนยันภาพใบหน้าคนร้าย
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่กดดันผู้ต้องหา ทั้งที่บ้านพักและที่ทำงานเพื่อให้ได้ตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
จนกระทั่งผู้ต้องหาประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งว่าจะพร้อมกับทนายความเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน ซึ่งในวันที่ 17 เมษายน 2566 เวลาประมาณ 10.00 น. ผู้ต้องหาก็มามอบตัวกับพนักงานสอบสวน จึงแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ พร้อมสอบสวนปากคำ เนื่องจากในวันเข้ามอบตัว เป็นวันหยุดราชการ และเป็นวันปิดทำการศาล จึงไม่สามารถนำตัวไปฝากขังต่อศาลได้ ประกอบกับเป็นการเข้าพบพนักงานสอบสวนเอง จึงไม่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ตามกฎหมาย
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดอยสะเก็ด มีความสนใจและใส่ใจ ซึ่งใช้เวลา 1 อาทิตย์ ที่จะติดตามผู้ต้องหาให้มาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และให้ความเป็นธรรมกับคู กรณีทั้งสองฝ่าย ไม่ได้ประวิงเวลาหรือก่อให้เกิดความล่าช้าแต่อย่างใด ได้ดำเนินการตามขั้นตอนทุกกระบวนการของกฎหมายทุกประการ

ขณะนี้รอผลการตรวจร่างกายของผู้เสียหายและผลการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหามาประกอบคดี จึงขอให้พี่น้องประชาชนได้ใช้วิจารณญาณในการติดตามข่าวสาร และเข้าใจขั้นตอนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย”